R.O.P.
โรคตาบอดในเด็กคลอดก่อนกำหนด
โดย นพ. สมเกียรติ อธิคมกุลชัย
12 สิงหาคม 2549

           เนื่องจากโรค ROP เป็นโรคที่คาบเกี่ยวและสัมพันธ์กันในการดูแลของกุมารแพทย์และจักษุแพทย์ ดังนั้นความรู้โดยองค์รวมจึงมีความจำเป็น เพื่อการทำงานเป็นทีมในการแลผู้ป่วย
1. Respiratory distress syndrome ( RDS )
เป็นภาวะที่พบในทารกคลอดก่อนกำหนด มีอาการหายใจลำบาก ผิวหนังมีสีม่วงคล้ำ ( Central cyanosis ) จะสังเกตได้ชัดเวลาเด็กเกร็งตัวหรือร้องไห้
สาเหตุ เกิดจากปอดยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ขาดสารสำคัญที่ทำหน้าที่หล่อลื่นในถุงลม ( Surfactant ) ทำให้ถุงลมบางส่วนไม่สามารถพองตัวออกเมื่อหายใจเข้า อ๊อกซิเจนจากอากาศจึงไม่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้พอเพียง จนเกิดภาวะขาดอ๊อกซิเจน ( Hypoxia )
Surfactant เป็นสารลดแรงตึงผิวในถุงลม มีไขมันเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ช่วยให้ปอดทำหน้าที่แลกเปลี่ยนอ๊อกซิเจนและคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ได้เป็นปกติ ปัจจุบันมีสาร Surfactant สังเคราะห์ ( Synthetic or Natural Surfactant ) ให้ทดแทนเพื่อแก้ปัญหา RDS ได้แล้ว
การให้อ๊อกซิเจน มีหลักการที่สำคัญ คือ ให้อ๊อกซิเจนน้อยที่สุดเท่าที่ทารกจะไม่ตัวเขียว ( Cyanosis ) โดยมี PaO2 อยู่ระหว่าง 50 - 70 มม.ปรอท การให้อ๊อกซิเจนมากเกินไป จะกระตุ้นให้เกิดผลแทรกซ้อน 2 ประการ คือ
           1.1 ROP ( Retinopathy of Prematurity ) เกิดการงอกผิดปกติของเส้นเลือดบนจอประสาทตา ดึงรั้งให้จอประสาทตาหลุดลอกและทำให้ตาบอดได้
           1.2 BPD ( Bronchopulmonary dysplasia ) เกิดการทำลายและเปลี่ยนแปลงเนื้อเยื่อของปอดที่กำลังเจริญเติบโต ซึ่งจะทำให้การสร้างสาร Surfactant น้อยลงไปอีก
2. Anemia of Prematurity
ภายหลังคลอด ฮีโมโกลบินและเม็ดเลือดแดง จะลดลงอย่างรวดเร็วในทารกคลอดก่อนกำหนด ยิ่งทารกคลอดก่อนกำหนดมาก ก็ยิ่งจะลดลงเร็วและลดลงมาก
สาเหตุ เกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน เช่น การเจาะเลือดทารกไปตรวจ, ภาวะการติดเชื้อในกระแสเลือด ( Sepsis ) , ระดับ Erythropoietin ที่น้อย ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นไขกระดูก ( Bone marrow ) ให้สร้างเม็ดเลือดแดงได้เต็มที่ และปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดภาวะเลือดจาง คือ มีการแตกสลายอย่างต่อเนื่องของเม็ดเลือดแดง HbF ( Fetal hemoglobin ) ในช่วง 3 เดือนแรกหลังคลอด เพื่อปรับเปลี่ยนเป็นเม็ดเลือดแดง HbA ( Adult hemoglobin )
การรักษา ให้ Packed red cells 10 - 15 มล./ กก. เพื่อรักษาระดับ ฮีโมโกลบินให้มากกว่า 13 กรัม / ดล. ( Hct. มากกว่า40%)

           จาก Flow chart ที่แสดงความสัมพันธ์ในการดูแลผู้ป่วยเด็กคลอดก่อนกำหนดของกุมารแพทย์และจักษุแพทย์ จะเห็นได้ว่า บทบาทของกุมารแพทย์มีความสำคัญมากที่จะก่อให้เกิดปัญหา ROP ตลอดจนระดับความรุนแรงของ ROP จักษุแพทย์ทำหน้าที่เพียงตรวจหา ติดตาม และรักษา เมื่อเกิด ROP แล้วเท่านั้น
           เนื่องจากในปัจจุบัน มาตรฐานการดูแลรักษาเด็กคลอดก่อนกำหนดของกุมารแพทย์ ได้พัฒนาถึงจุดที่สามารถควบคุมการเกิด ROP ได้แล้ว ( การใช้สาร Synthetic surfactant ) ตลอดจนการป้องกันโรคไม่ให้รุนแรง ( การให้ Packed red cells เพื่อ control Hct. ให้มากกว่า 40% ) จึงทำให้ปัญหา สำหรับจักษุแพทย์ลดลงเรื่อยๆ ตามมาตรฐานการรักษาของกุมารแพทย์ดังกล่าว
           นั่นคือ เราสามารถควบคุมการเกิดโรค และควบคุมความรุนแรงของโรค ROP ได้ หากจักษุแพทย์และกุมารแพทย์ร่วมมือกันดูแลผู้ป่วยด้วย Team work ที่ดี



ติดต่อ นพ. สมเกียรติ อธิคมกุลชัย
e-mail [email protected]


กลับสู่หน้าหลักงานวิจัยของน.พ. สมเกียรติ